ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รักษาโรคมะเร็งง่ายๆด้วยการออกกำลังกาย


ออกกำลังกายรักษาโรคมะเร็ง


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ออกกําลังกาย

      การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ เรื่องนี้หลายคนคงรู้หรือได้รับการบอกให้รู้มานานแล้ว ออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพแน่นอน ในเมื่อคนไม่ป่วย ออกกำลังกายก็แข็งแรงขึ้น ทำไมคนป่วยจะออกกำลังกายเพื่อให้อาการของโรคดีขึ้นไม่ได้

การออกกำลังกายป้องกันมะเร็ง

- 29% ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมในผู้หญิงทั้งในช่วงก่อนและหมดประจำเดือน โดยลดความเสี่ยงในผู้หญิงเอเชียและแอฟริกันร้อยละ 41  ลดความเสี่ยงในผู้หญิงอินเดียร้อยละ 38  และลดความเสี่ยงในผู้หญิงตะวันตกร้อยละ 20
- 27% สร้างสมดุลฮอร์โมนเอสโทรเจนและโปรเจสเทอโรน ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
- 24% ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้โดยทั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีค่า BMI ได้มาตรฐาน
- 19% ลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากในกลุ่มชาวเอเชียและแอฟริกันที่มีอายุระหว่าง 20-65 ปี
- 23% ช่วยลดค่า BMI (BodyMass Index)  จึงลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
***แทบจะไม่พบว่าการออกกำลังกายสามารถลดความเสี่ยงโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือด เช่น  มะเร็งเม็ดเลือดขาว  มะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

การออกกำลังกาย >> ระหว่างการรักษา

• ฮอร์โมนเพศ  แม้การออกกำลังกายจะไม่ช่วยลดหรือเพิ่มฮอร์โมนเอสโทรเจนและแอนโดรเจนในผู้ป่วยมะเร็ง  แต่จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายช่วยชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
• ฮอร์โมนอินซูลิน  เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยลดน้ำหนักและไขมัน  หลังจากการให้คีโมในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก  โดย The American College of Sports Medicine แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 150 – 250 นาที จะเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มและช่วยลดน้ำหนัก  แถมยังช่วยเพิ่มคุณภาพของเลือด โดยเฉพาะความสมดุลของคอเลสเตอรอล  ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ช่วยสร้างสมดุลให้อินซูลิน
• ภูมิคุ้มกันและการอักเสบ  การไม่ออกกำลังกายเป็นการลดภูมิคุ้มกัน  ขณะที่การออกกำลังกายมากเกินไปก็เป็นการเพิ่มภาวะการอักเสบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการออกกำลังกายมีผลดีต่อภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งขณะรับการรักษา

การออกกำลังกาย >> หลังการรักษา

• ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับอาการของโรค ฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังจากได้รับยาเคมี  อีกทั้งยังช่วยยืดระยะเวลาการกลับมาเป็นซ้ำ
• ช่วยลดขั้นตอนการวินิจฉัย ทั้งก่อนและหลังการบำบัด ในผู้หญิงที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม ในรายที่ออกกำลังกายเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง
• ช่วยเสริมผลในการใช้ยาเคมีบำบัด ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
• ช่วยผ่อนคลายความเครียด
• ช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วยมะเร็ง
• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจ ลดอัตราการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม
• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบหายใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงรักษาและผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด
• ช่วยเสริมสร้างระบบกล้ามเนื้อ เพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อลีนโดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีมักเกิดภาวะกระดูกบาง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจึงช่วยให้กระดูกไม่เปราะแตกง่าย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ออกกําลังกายรักษาโรคมะเร็ง

ข้อมูลจาก

ผลงานวิจัยชื่อ Cancer, Physical Activity, and Exercise  โดย จัสติน  ซี.  บราวน์(Justin C. Brown) ออกัสติน  ลี(Augustine Lee)  และแคทริน เอช.  ชมิตซ์(Kathryn H. Schmitz)  วิทยาลัยการแพทย์เพอเรลแมน  มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย  พร้อมด้วยเคอร์รี่  วินเตอร์ส-สโตน (Kerri Winters-Stone)  โรงเรียนพยาบาล  มหาวิทยาลัยสุขภาพและวิทยาศาสตร์ออริกอน  ประเทศสหรัฐอเมริกา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

8 วิธีกิน "บุฟเฟ่ต์" ยังไงไม่ให้ "อ้วน"

1. เลือกเวลาทานบุฟเฟ่ต์    เวลาที่เราอยากทานบุฟเฟ่ต์ จะเลือกช่วงเวลาประมาณ บ่าย 2 - บ่าย 3 โมงเย็นค่ะ ถ้ารู้ตัวว่าจะมาทานบุฟเฟ่ต์ ก็จะไม่ทานมื้อกลางวัน และจะเริ่มทานบุฟเฟ่ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2-3 โมง กว่าจะกินอิ่มก็ 4 โมงเย็นหรือ 5 โมงเย็น จะได้งดมื้อเย็นไปในตัวค่ะ เท่ากับว่ากิน 2 มื้อรวมกันคือมื้อกลางวันกับมื้อเย็น นั่นแปลว่าถ้าเราตัดสินใจจะทานบุฟเฟ่ต์ เราก็ต้องตัดใจไม่ทานอาหารมื้ออื่นๆ แล้วค่ะ 2. อย่ายัด    บุฟเฟ่ต์หลายร้านมักจะมีเวลากำหนด อาจจะ 1.30 ชั่วโมง หรือ 2.00 ชั่วโมง แล้วแต่ร้าน หลายคนกลัวไม่คุ้ม จึงรีบกิน เน้นกินเยอะ ฟาดเรียบทุกอย่าง แถมยังสั่งนู้นนี่นั่นมาเยอะเกินกำลังที่ตัวเองจะกินไหว ผลสุดท้าย ต้องมานั่งยัดอาหารที่เหลือ เพราะถ้ากินไม่หมดก็กลัวจะโดนปรับ - _- อยากบอกว่า ให้ค่อยๆ สั่งค่ะ สั่งทีละนิด แต่สั่งอาหารให้หลากหลาย อันไหนอร่อยค่อยสั่งเพิ่ม ค่อยๆ กิน ค่อยๆ เคี้ยว อย่ารีบกินเพื่อแข่งกับเวลา เพราะถ้าทำแบบนั้นจะกลายเป็นว่าเรากินทุกอย่างที่ขวางหน้า แบบนี้ความพยายามที่จะลดความอ้วนมา 2 เดือนเต็มนั้นสูญเปล่าแน่ๆ 3. เลือกกินแต่โปรตีนและผัก    บุฟเ

เคี้ยวกี่ครั้ง สุขภาพถึงจะดี ??

สุขภาพดีเริ่มง่ายๆ ด้วยการเคี้ยว คุณเคยสังเกตตัวเองหรือไม่ว่า ใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารคำละกี่ครั้ง   คนส่วนใหญ่มักทำไปตามนิสัยส่วนตัว แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์ของการเคี้ยวให้ละเอียดนั้น ส่งผลดีต่อสุขภาพมากเพียงใด ซึ่งเรื่องนี้  “ อาจารย์แววตา เอกชาวนา ”   นักโภชนาการบำบัด และผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ ให้ข้อมูลว่า   การเคี้ยวอาหาร ให้ละเอียดก่อนกลืนนั้นมีความสำคัญมาก เพราะถือว่าเป็นด่านแรกที่จะทำให้อาหารมีความละเอียดขึ้น ทำให้กระเพาะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ช่วยให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายขึ้น และยังทำให้มีระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีเป็นปกติ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดี  แต่ถ้าหากเราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดพอ กระเพาะของเราจะต้องรับภาระในการย่อยอาหารมากขึ้น ยิ่งอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ กระเพาะจะต้องหลั่งกรด และมีการบีบตัวที่มากขึ้นกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืดหรือท้องเฟ้อตามมา           นักโภชนาการบำบัดผู้นี้ บอกอีกว่า   การเคี้ยวอาหารให้ถูกต้องนั้นคือ เคี้ยวประมาณ 10 ครั้งสำหรับอาหารที่นิ่ม เช่นข้าว หรือ ขนมปัง ขณะเดี

10 เมนูอาหารเย็น แคลอรี่ต่ำ ไม่เกิน 200 Kcal!!

  การจะหา อาหาร เย็นแคลอรี่ต่ำๆ ทานหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยาก เพราะขากลับบ้าน เดินผ่านตลาด ของกินข้างทาง มีแต่ไก่ทอด แกงกะทิ และอีกหลายเมนูที่อร่อยเข้มข้น แต่อ้วนสุดๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าอาหารอร่อยง่ายสบายท้อง พร้อมแคลอรี่ต่ำสุดๆ มีอะไรน่าทานบ้าง 1. ก๋วยเตี๋ยวหมูสับน้ำใส 200 กรัม 140 Kcal     เลือกน้ำใสๆ หมูสับแบบไม่ติดมัน หรือติดมันให้น้อยที่สุด ประโคมผักเยอะๆ ปรุงรสให้น้อยเข้าไว้ และเส้นให้น้อยกว่าผักครึ่งหนึ่ง หรือจะเกาเหลาก็โอเค ให้เต็มที่ไปเลย 200 กรัม ยังไม่ถึง 150 Kcal เลยคิดดู อย่าลืมบอกพี่คนขายว่าไม่ต้องราดกระเทียมเจียวด้วยนะ 2. แกงส้มผักรวมกับปลา 200 กรัม 100 Kcal + ข้าวกล้อง 80 Kcal = 180 Kcal     ใครที่คิดว่าก๋วยเตี๋ยวยังไม่อยู่ท้อง มาที่ข้าวกับแกงส้มได้เลย คุณพระ! แกงส้มผักรวมสุดแซ่บ กับปลาอร่อยๆ รวมกันยังไม่ถึง 200 Kcal รับรองว่าอิ่ม อร่อย รสชาติจัดจ้านแบบไทยแน่นอน แต่ถ้าจะให้ดี ทำแกงส้มด้วยตัวเองไปเลย จะควบคุมปริมาณเครื่องปรุงที่ใส่ลงไปในแกงได้ดีกว่านะ 3. แกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้ไข่หมูสับ 200 กรัม 110 Kcal + ข้าวกล้อง 80 Kcal = 190